เทเลกราฟ สื่อกีฬาชื่อดัง ออกมารายงานข่าวว่า ฮันส์ยอร์ก วีสส์ มหาเศรษฐีชาวสวิสเซอร์แลนด์ กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เป็นเจ้าของร่วมทีมเบสบอลแอลเอ ด็อดเจอร์ส เตรียมที่จะรวมทุนที่จะยื่นข้อเสนอขอซื้อทีมฟุตบอล “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี อย่างรวดเร็ว โดยตั้งเป้าที่จะบรรลุข้อตกลงซื้อขายกันภายในสัปดาห์นี้
โดยการยื่นข้อเสนอซื้อในครั้งนี้ มีรายงานออกมาว่า ทั้งสองมหาเศรษฐีกำลังมองหานักลงทุนที่เข้ามาร่วมทุนในครั้งนี้ โดยคาดว่าเขากำลังมองหานักลงทุนเพิ่มอีกอย่างน้อยหนึ่งคน โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทั้ง วีสส์ และ โบห์ลี่ มีการยื่นข้อเสนอไปยังนายทุนอีกหนึ่งรายที่เขาต้องการให้เข้ามาร่วมเจรจาตกลงซื้อทีมเชลซีแล้ว
ทั้งนี้ จำนวนเงินที่ทาง “เสี่ยหมี” โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ต้องการในการขายเชลซีในครั้งนี้ อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 129,000 ล้านบาท) โดยก่อนหน้านี้ อบราโมวิช เคยออกมากล่าวว่าราคาขายทีมเชลซีสามารถสูงได้ถึง 4,000 ล้านปอนด์เสียด้วยซ้ำ แต่เชื่อว่าข้อเสนอในยอด 3,000 ล้านปอนด์ ก็ไม่น่าจะเป็นที่พอใจสำหรับ ฮันส์ยอร์ก วีสส์ มหาเศรษฐีชาวสวิสเซอร์แลนด์ กับ ท็อดด์ โบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน อย่างแน่นอน แต่ตามรายงานข่าวเชื่อว่า เชลซี จะได้รับข้อเสนออยู่ที่ไม่เกิน 2,000 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 85,000 ล้านบาท)
ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านี้ โรมัน อบราโมวิช จะเคยออกมาพูดว่า ตัวเขาเองไม่ได้เร่งรีบในการปิดดีลซื้อขายทีมเชลซีมากนัก แต่ถ้ามองในแง่ต่างๆแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปิดดีลที่รวดเร็ว เนื่องจากตัวของ อบราโมวิช เศรษฐีชาวรัสเซีย จะต้องรีบจบการซื้อขายนี้โดยเร็ว เพราะ อบราโมวิช กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากทางรัฐบาลอังกฤษ ที่เป็นผลมาจากรัสเซียรุกรานยูเครน ที่ในตอนนี้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในหลายๆฝ่ายทั่วโลก โดยในเรื่องนี้ทาง ริชาร์ด มาสเตอร์ส ผู้บริหารระดับสูงของพรีเมียร์ลีก มองว่าในหลักการซื้อขายเทคโอเวอร์ทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันขึ้นไป แต่หากมีการจัดการเตรียมเรื่องเอกสารได้อย่างรวดเร็ว และมีข้อตกลงที่ไม่ซับซ้อนก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทั้งสองฝ่ายด้วย
หากมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของใหม่ของทีมเชลซีแล้ว นอกจากกลุ่มทุนที่เข้ามาเป็นเจ้าของใหม่จะต้องเข้าไปเจรจากับทีมบอร์ดบริหารชุดเก่าของเชลซีแล้ว เขายังต้องเข้าไปคุยกับคนอีกกลุ่มหนึ่งด้วย นั่นคือ Chelsea Pitch Owners หรือที่เรียกว่า CPO โดยกลุ่มนี้คือ เจ้าของสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดย CPO จัดตั้งเพื่อไม่ต้องการให้สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นตกเป็นกรรมสิทธิ์อยู่ที่นายทุนแต่เพียงผู้เดียว และอยากให้สนามเป็นของสโมสรและเป็นของแฟนบอลจริงๆ โดยเปิดโอกาสให้แฟนบอลเข้ามาเป็นหุ้นส่วนของสนามได้ โดยในตอนนี้ CPO มีหุ้นส่วนกว่า 13,000 หุ้น และมีแนวโน้มจะเปิดขายหุ้นอีกกว่า 3,000 หุ้นในเร็วๆนี้ ทั้งนี้หาก เจ้าของใหม่ที่ความต้องการที่จะสร้างสนามใหม่หรือมีการย้ายสนาม เขาจะต้องขออนุญาต CPO เสียก่อน เนื่องจากมีข้อตกลงกันอยู่ในกรณีนี้ ซึ่งจะเห็นว่าการตกลงซื้อขายเชลซีนับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆอยู่เหมือนกัน
สำหรับ ฮันส์ยอร์ก วีสส์ มหาเศรษฐีชาวสวิสเซอร์แลนด์ วัย 83 ปี วีสส์ เป็นผู้ก่อตั้ง ซินเธส (Synthes) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ ก่อนที่จะขายต่อให้กับ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมื่อปี 2012 โดยเขามีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 4.3 พันล้านปอนด์ (หรือประมาณ 189,200 ล้านบาท) ในช่วงหลังๆ วีสส์ ได้หันไปให้ความสำคัญเกี่ยวกับการกุศล โดยเขาได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ใจบุญที่สุดในโลก ซึ่ง วีสส์ ก็ออกมาอ้างว่าตัวเขาได้รับข้อเสนอเพื่อที่จะขายเชลซีโดยตรง จาก โรมัน อบราโมวิช
ส่วนทางด้าน ท็อดด์ โบห์ลี่ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน วัย 46 ปี เขาเป็นซีอีโอ ของ กลุ่มบริษัท เอลดริดจ์ อินดัสตรี้ ซึ่งมีการลงทุนในหลายๆด้าน เช่น กีฬา อสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยี และยังมีอื่นๆอีกมากมาย โดยเฉพาะในด้านกีฬา โบห์ลี่ ยังเป็นเจ้าของทีมเบสบอลแอลเอ ด็อดเจอร์ส ,ทีมบาสเก็ตบอล แอลเอ เลเกอร์ส ซึ่งในก่อนหน้านี้ ในปี 2019 โบห์ลี่ เคยให้ความสนใจซื้อเชลซี ด้วยการเสนอยอดเงินไปที่ 3,000 ล้านปอนด์ แต่ก็ถูกทางด้าน เสี่ยหมี ปฏิเสธไป โดยเป็นที่เชื่อกันว่า โบห์ลี่ มีทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่ถึง 5,000 ล้านปอนด์
สำหรับ เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซีในขณะนี้ ได้เข้ามาเทกโอเวอร์ สิงโตน้ำเงินคราม เมื่อปี 2003 ด้วยราคา 140 ล้านปอนด์ ใน 19 ปีที่เขาเข้ามาเป็นเจ้าของนั้น เชลซีได้ประสบความสำเร็จมากมาย ด้วยการคว้าแชมป์รวมทุกรายการจำนวน 21 ใบ